ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อยู่คู่กับสังคมประเทศไทย บรรเทาทุกข์ บำรุงสุขโดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ และศาสนา
.
เรียกว่าไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันอีกแล้ว กับผลงานที่ดำเนินมาอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง อีกทั้งเชื่อได้เลยว่า เป็นองค์กรจิตอาสาแรก ๆ ที่หลายคนจะต้องนึกถึง ในยามที่ต้องการความช่วยเหลือ
.
ปัจจุบันยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือต่อในทุกมิติ เพื่อให้ครอบคลุมครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
.
และหนึ่งในมิติที่ทางมูลนิธิฯ เล็งเห็นความสำคัญ และร่วมพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ก็คือเรื่องของการศึกษา หวังส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
.
เป็นต้นกำเนิดของหลาย ๆ หลักสูตร รวมถึงที่มีการกล่าวขานถึงกันในวงกว้าง ซึ่งก็คือหลักสูตรวิทยาการผู้นำไทย-จีน (วทจ.) ที่ขณะนี้ดำเนินการมาเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว
.
คุณวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เล่าให้ฟังถึงที่มา กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ของมูลนิธิฯ เพื่อนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย อาจจะต่างออกไปจากที่หลายคนนึกคิด
.
เพราะหากดูจากแค่เพียงนามสกุล และด้วยเป็นบุตรชายของอดีตประธานมูลนิธิฯ แน่นอนคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
.
ท่านเล่าให้ฟังว่า กว่าจะเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ได้ ก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงของวัยใกล้เกษียณแล้ว ตลอดระยะเวลาที่คุณพ่อเป็นประธานมูลนิธิฯ ตั้งแต่ช่วงที่ตนเองยังอยู่ในวัยหนุ่ม ไม่เคยได้เข้ามานั่งเป็นคณะกรรมการหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหาร
.
ด้วยจุดยืนของท่านที่ไม่อยากให้เกิดข้อครหาหรือมีการเข้าใจผิดว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ เพราะมูลนิธิฯ ก่อตั้งขึ้นมาโดยไม่ได้มีตระกูลใดเป็นเจ้าของ
.
แม้กระทั่งในขณะนั้นที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานหอการค้า คุณสมบัติถือว่าครบถ้วน แต่ท่านก็ไม่ยอม ดังนั้นการก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง เรียกว่าต้องผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝน และสะสมประสบการณ์มาอย่างหนักหน่วง
.
เริ่มจากพื้นฐานการใช้ชีวิตในวัยเด็ก แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตสบาย ถูกสอนให้รู้จักช่วยเหลือตนเองทุกอย่าง เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้
.
นอกจากวิชาความรู้ในห้องเรียน ก็ได้วิชาความรู้นอกห้องเรียน อันเป็นทักษะชีวิตสำคัญที่ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ สอนโดยครูที่ไม่ใช่คนอื่นไกล คุณปู่และคุณพ่อ ที่มักให้คอยติดสอยห้อยตามไปด้วย ซึ่งท่านเองไม่ได้มานั่งสอนด้วยคำพูด แต่ให้เรียนรู้จากสิ่งที่พบเห็น
.
ซึ่งทั้งหมดนั้นเหมือนเป็นการช่วยปูพื้นฐานได้อย่างดี ประสบการณ์ที่มีล้วนต่อยอดไปสู่การทำงานด้านสังคม เพราะมีความเข้าถึงและเข้าใจผู้คนในทุก ๆ ระดับ
.
ยกตัวอย่าง สิ่งที่ถูกสอนและปลูกฝังมาโดยตลอดก็คือเรื่องของความซื่อสัตย์ มีวินัย ใช้จ่ายอย่างประหยัด พอเข้ามาทำงานในมูลนิธิฯ ก็ต้องมาวางแผนบริหารจัดการเงินบริจาคอย่างระมัดระวัง ด้วยงบที่มีจำกัด จะช่วยเหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร ที่สำคัญต้องโปร่งใส มีหลักฐาน สร้างความเชื่อมั่นในฐานะที่เป็นสะพานบุญส่งต่อความช่วยเหลือ
.
หรือจะเป็นเรื่องของความรัก ความสามัคคี ด้วยครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน ถูกสอนให้รู้จักการทำงานเป็นทีม เช่นเดียวกันหากอยากให้งานสำเร็จ มูลนิธิฯ ก้าวหน้า แนวคิดดี นโยบายดีไม่พอ ต้องมีทีมงานที่ดีและพร้อมเดินไปด้วยกัน
.
ทุกวันนี้ เราก็ยังคงเห็น คุณวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในวัย 85 ปี ที่ยังคงมุ่งมั่นสานต่องานให้กับมูลนิธิฯ อย่างล่าสุดได้ผลักดันให้เกิดการเรียนรู้ภาษาจีนตั้งแต่ในวัยเด็ก ผ่านโครงการเล่นสนุกกับภาษาจีนกันเถอะด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการที่จีนได้ก้าวเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก และภาษาจีนในอนาคตกำลังจะกลายเป็นภาษาสากล
.
“ผมไม่ชอบพูด ผมชอบทำ ความกดดันอย่างเดียวที่มีคือต้องมุ่งมั่นสานงานต่อ แต่ความกดดันนี้ ได้เอามาเปลี่ยนเป็นพลังสร้างความสนุกให้กับการทำงาน” ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
Comments