เฉลิมฉลอง ๘๐ ปีชัยชนะสงครามต่อต้านญี่ปุ่น บันทึกความภูมิใจของบรรพบุรุษที่เสียสละเพื่อมาตุภูมิผ่าน “กี่เพ้าเปื้อนเลือด”

3 กันยายนของทุกปี...สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่ชาวจีนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วมพิธีสวนสนามที่สำคัญยิ่งนี้ แต่ชาวจีนโพ้นทะเลจากหลายประเทศ ก็ได้รับเกียรติเข้าร่วมพิธีสำคัญนี้ด้วยเช่นกัน เพราะในช่วงสงครามครั้งนั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศต่าง ๆ ประเทศจีนก็คงไม่สามารถเอาชนะสงครามต่อต้านญี่ปุ่นได้  ซึ่งตัวแทนจากประเทศไทยที่ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่นี้มาหลายปี ก็คือ คุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบัน และรักษาการผู้อำนวยการ สถาบันวิทยาการผู้นำไทย-จีน ในฐานะนายกสมาคมมังกรสยามแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นทายาทผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลผู้เสียสละเพื่อมาตุภูมินั่นเอง

พิพิธภัณฑ์ชาวจีนโพ้นทะเลที่ปักกิ่ง สดุดีวีรกรรมของ “อี้ กวงเหยียน” 

เรื่องราวการต่อสู้ และคุณูปการของบรรพบุรุษจีนโพ้นทะเลในประเทศต่าง ๆ ที่ได้ช่วยเหลือและสนับสนุนการต่อสู้เพื่อชาติ ได้ถูกนำไปจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ชาวจีนโพ้นทะเลที่ปักกิ่ง หนึ่งในสิ่งของที่จัดแสดงนั้นก็คือ “กี่เพ้าเปื้อนเลือด” จากประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องราวของ “อี้ กวงเหยียน” (ชื่อภาษาจีนของท่านเหีย กวงเอี่ยม-คุณปู่ของคุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์) ซึ่งสะท้อนความโหดร้ายของสงคราม และความเข้มแข็งของครอบครัวผู้เสียสละที่ต้องจารึกไว้ให้ลูกหลานได้ร่วมภาคภูมิใจ  และในปีนี้ ข้อมูลและเรื่องราวเหล่านี้ยังได้ถูกถ่ายทอดเป็นนิทรรศการที่กวางโจว โดยคุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ทายาทของ อี้ กวงเหยียน ได้นำคณะเยือนพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จีนโพ้นทะเลกวางโจว รำลึกบรรพชน ผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลผู้พลีชีพเพื่อประเทศชาติ และร่วมเฉลิมฉลองวันครบรอบ 80 ปี แห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นให้อนุชนรุ่นหลังได้ร่วมภาคภูมิใจ

อี้ กวงเหยียน ถือกำเนิดในมณฑลกวางตุ้ง ได้เดินทางมาลงหลักปักฐานในประเทศไทยตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี โดยเริ่มต้นจากการค้าขนส่งและโรงงานจนก้าวขึ้นเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ในช่วงนั้นเมื่อแผ่นดินบ้านเกิดต้องเผชิญกับการรุกรานของญี่ปุ่น ท่านกลับเลือกที่จะละทิ้งความสะดวกสบาย ก้าวออกมาเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ โดยเป็นผู้นำการรณรงค์คว่ำบาตรสินค้าญี่ปุ่นในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย ระดมทุน บริจาครถบรรทุก ยารักษาโรค และส่งเสริมให้ช่างฝีมือกลับไปช่วยมาตุภูมิ แต่ในที่สุดท่านก็ถูกสายลับญี่ปุ่นลอบสังหาร ก่อนเสียชีวิตท่านได้สั่งเสียกับภริยาอย่างกล้าหาญว่า "ถึงแม้ข้าจะตาย เจ้าก็ไม่ต้องโศกเศร้า จีนย่อมมีชัย!"  ภรรยาของท่านโศกเศร้าเสียใจอย่างมากจนพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้น แต่น้องสาวของเธอ ได้ช่วยชีวิตไว้ด้วยการงัดปากเธอด้วยมือทั้งสองข้างและกัดนิ้วตัวเองไปด้วย ทำให้เลือดของทั้งสามคนเปื้อนชุดกี่เพ้าสีขาวและได้กลายเป็นเรื่องราวของ "เสื้อเปื้อนเลือด" ตัวนี้ ความเสียสละครั้งนั้นได้เป็นหลักฐานว่าคนไทยเชื้อสายจีนมิได้ทอดทิ้งผืนดินบรรพบุรุษ หากแต่ได้ช่วยเหลือ และตอบแทนมาตุภูมิทั้งสองแผ่นดินอย่างน่าสรรเสริญ

มรดกทางจิตวิญญาณนี้ถูกส่งต่อมาถึงลูกหลานไทยเชื้อสายจีนในปัจจุบัน เช่น อี้ ฝาน (คุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์) ผู้สืบเชื้อสายตรงจากอี้ กวงเหยียน จากการที่ได้ไปพบเรื่องราวกี่เพ้าเปื้อนเลือดเมื่อสิบกว่าปีก่อน ได้จุดประกายให้เกิดความมุ่งมั่นเพื่อสร้างสะพานแห่งมิตรภาพไทย–จีน ในการเรียนรู้ทำความเข้าใจจีนอย่างลึกซึ้งในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ การแพทย์แผนจีน การศึกษา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษต่อไป และยังเป็นการปูทางเพื่อสร้างโอกาสให้นักธุรกิจระหว่างไทย-จีนได้สานสัมพันธ์เพื่อเติบโตไปด้วยกันในอนาคต

ครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านญี่ปุ่น จึงมิใช่เพียงการรำลึกถึงชัยชนะของประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ไทย–จีน ได้ผ่านการทดสอบจากประวัติศาสตร์อันยากลำบาก และกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความเสียสละของบรรพบุรุษคือรากฐานที่ทำให้ไทย - จีนยืนเคียงข้างกันอย่างมั่นคง

(เครดิตภาพบางส่วนจาก: สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย)